วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2561
วันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2561
บทที่9 การประยุกต์ใช้โปรแกรมจัดการฐานข้อมูลด้วยโปรแกรม Microsoft Access
1. ความหมายและส่วนประกอบของโปรแกรม Microsoft Access
Microsoft Access คือ โปรแกรมเพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูล มีตารางเก็บข้อมูลและสร้างแบบสอบถามได้ง่าย มีวัตถุคอนโทลให้เรียกใช้ในรายงานและฟอร์ม สร้างมาโครและโมดูลด้วยภาษาเบสิก เพื่อประมวลผลตามหลักภาษาโครงสร้าง สามารถใช้โปรแกรมนี้เป็นเพียงระบบฐานข้อมูลให้โปรแกรมจากภายนอกเรียกใช้ก็ได้
ไมโครซอฟท์แอคเซส (Microsoft Access) ต่างกับ วิชวลเบสิก (Visual Basic) หรือ
วิชวลเบสิกดอทเน็ต (Visual Basic .Net) เพราะ วิชวลเบสิกไม่มีส่วนเก็บข้อมูลในตนเอง แต่สามารถพัฒนาโปรแกรมได้หลากหลาย เช่น พัฒนาโปรแกรมควบคุมอุปกรณ์ โปรแกรมประยุกต์ทางวิทยาศาสตร์ เกมส์ หรือเชื่อมต่อกับระบบฐานข้อมูลภายนอก เป็นภาษาที่เหมาะกับการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ (Application) ส่วนไมโครซอฟท์แอคเซสเหมาะสำหรับนักพัฒนาระบบฐานข้อมูลที่ไม่ต้องการโปรแกรมที่ซับซ้อน ความสามารถของโปรแกรมที่สำคัญคือสร้างตาราง แบบสอบถาม ฟอร์ม หรือรายงานในแฟ้มเดียวกันได้ ด้วยคุณสมบัติพื้นฐานและวิซซาร์ดจึงอำนวยให้พัฒนาโปรแกรมให้แล้วเสร็จได้ในเวลาอันสั้น มีเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกในการพัฒนาระบบฐานข้อมูลอย่างครบถ้วน
ส่วนประกอบของ Microsoft Access 2010
เมื่อเราเปิดโปรแกรม Access ขึ้นมา ก็จะพบเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับการสร้างและจัดการฐานข้อมูล ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
-แท็บ File มีลักษณะเหมือนกับเมนู File ที่พบในโปรแกรมอื่นทั่วๆ ไป เช่น File > Open, File > Save, File > Close ซึ่งใช้เพื่อเปิดไฟล์ บันทึกไฟล์ หรือปิดไฟล์ รวมทั้งการปรับแต่งตัวเลือกในโปรแกรม
-Quick Access Toolbar เก็บปุ่มคำสั่งที่ใช้งาบ่อยๆ โดยเราสามารถเพิ่มหรือลบปุ่มคำสั่งตามความเหมาะสม
-Ribbon เป็นรูปแบบของการเก็บคำสั่งและปุ่มที่ใช้ใน Access โดยแบ่งเป็นแท็บ โดยแต่ละแท็บยังแบ่งคำสั่งเอาไว้ให้เป็นกลุ่มย่อย เพื่อสะดวกต่อการใช้งาน
-Navigation Pane จะแสดงชื่อฐานข้อมูล และแสดงส่วนประกอบต่างๆ ของAccess เช่น ตาราง คิวรี ฟอร์ม รายงาน ฯลฯ
-Tabbed Documents ในกรณีที่เราเปิดตาราง ฟอร์ม คิวรี รายงาน รวมถึง Object อื่นๆ เราจะพบเห็นแสดง Object ที่ถูกเปิดอยู่ทั้งหมด เมื่อเราคลิกที่แท็บจะเป็นการสลับไปทำงานในส่วนนั้นๆ ทันที
-Status bar จะแสดงข้อมูลบางอย่าง และปุ่มสำสลับมุมมอง
2 วิธีการสร้างตารางบนฐานข้อมูล
เนื่องจาก วัตถุฐานข้อมูล อื่นๆ จะขึ้นอยู่ตารางเป็นสำคัญ ดังนั้น คุณควรเริ่มต้นออกแบบฐานข้อมูลของคุณด้วยการสร้างตารางทั้งหมดแล้วจึงสร้างวัตถุอื่นๆ ก่อนสร้างตาราง ให้พิจารณาความต้องการของคุณให้รอบคอบ และกำหนดตารางทั้งหมดที่คุณต้องการ สำหรับบทนำสู่การวางแผนและการออกแบบฐานข้อมูล ให้ดูบทความที่ชื่อว่า พื้นฐานการออกแบบฐานข้อมูล
ตารางเป็นวัตถุฐานข้อมูลที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น พนักงาน หรือผลิตภัณฑ์ ตารางประกอบด้วยระเบียนและเขตข้อมูลแต่ละระเบียนจะมีข้อมูลเกี่ยวกับหนึ่งอินสแตนซ์ของชื่อเรื่องตาราง เช่น พนักงานรายใดรายหนึ่ง ระเบียนมักเรียกว่า แถวหรืออินสแตนซ์ แต่ละเขตข้อมูลจะมีข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบของชื่อเรื่องตาราง เช่น ชื่อ หรือที่อยู่อีเมล หนึ่งรูปแบบ เขตข้อมูลมักเรียกว่า คอลัมน์หรือแอตทริบิวต์เขตข้อมูลประกอบด้วยค่าเขตข้อมูล เช่น Contoso, Ltd. หรือ someone@example.com ค่าเขตข้อมูลมักเรียกว่า fact
1. ระเบียน
2. เขตข้อมูล
3. ค่าเขตข้อมูล
ฐานข้อมูลสามารถมีตารางได้หลายตาราง ซึ่งแต่ละตารางจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่แตกต่างกัน แต่ละตารางจะมีหลายเขตข้อมูลซึ่งประกอบด้วยข้อมูลชนิดต่างๆ เช่น ข้อความ ตัวเลข วันที่ และไฮเปอร์ลิงก์
คุณสมบัติของตารางและคุณสมบัติของเขตข้อมูล
ตารางและเขตข้อมูลจะมีคุณสมบัติที่คุณสามารถตั้งค่าเพื่อควบคุมฟีเจอร์หรือลักษณะการทำงานของตารางและเขตข้อมูลเหล่านั้นได้ด้วย
ตารางจะเปิดอยู่ในมุมมองออกแบบ
1. คุณสมบัติของตาราง
2. คุณสมบัติของเขตข้อมูล
ในฐานข้อมูล Access คุณสมบัติของตารางจะเป็นแอตทริบิวต์ของตารางที่มีผลต่อลักษณะที่ปรากฏหรือลักษณะการทำงานของตารางทั้งหมด คุณสมบัติของตารางจะถูกตั้งค่าในแผ่นคุณสมบัติของตารางในมุมมองออกแบบ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถตั้งค่าคุณสมบัติ มุมมองเริ่มต้น ของตาราง เพื่อระบุวิธีแสดงตารางตามค่าเริ่มต้น
คุณสมบัติของเขตข้อมูลจะนำไปใช้กับเขตข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงในตาราง และกำหนดหนึ่งฟีเจอร์ของเขตข้อมูลหรือรูปแบบของลักษณะการทำงานของเขตข้อมูล คุณสามารถตั้งค่าบางคุณสมบัติของเขตข้อมูลใน มุมมองแผ่นข้อมูล คุณยังสามารถตั้งค่าคุณสมบัติของเขตข้อมูลในมุมมองออกแบบได้โดยใช้บานหน้าต่าง คุณสมบัติของเขตข้อมูล
ชนิดข้อมูล
ทุกเขตข้อมูลจะมีชนิดข้อมูล ชนิดข้อมูลของเขตข้อมูลจะระบุชนิดของข้อมูลที่เขตข้อมูลนั้นเก็บอยู่ เช่น ข้อความหรือไฟล์ที่แนบจำนวนมาก
ชนิดข้อมูลคือคุณสมบัติของเขตข้อมูล แต่จะมีข้อแตกต่างจากคุณสมบัติของเขตข้อมูลอื่น ดังนี้
-คุณจะตั้งค่าชนิดข้อมูลของเขตข้อมูลในตารางออกแบบตาราง ไม่ใช่ในบานหน้าต่าง คุณสมบัติของเขตข้อมูล
-ชนิดข้อมูลของเขตข้อมูลจะเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติอื่นๆ ที่เขตข้อมูลมี
-คุณต้องตั้งค่าชนิดข้อมูลของเขตข้อมูลเมื่อสร้างเขตข้อมูล
คุณสามารถสร้างเขตข้อมูลใหม่ใน Access ได้โดยใส่ข้อมูลในคอลัมน์ใหม่ในมุมมองแผ่นข้อมูล เมื่อสร้างเขตข้อมูลโดยใส่ข้อมูลในมุมมองแผ่นข้อมูล Access จะกำหนดชนิดข้อมูลสำหรับเขตข้อมูลนั้นโดยอัตโนมัติตามค่าที่คุณใส่ ถ้าไม่มีชนิดข้อมูลอื่นตามที่คุณใส่ Access จะตั้งค่าชนิดข้อมูลนั้นเป็นข้อความ ถ้าจำเป็น คุณสามารถเปลี่ยนชนิดข้อมูลได้โดยใช้ Ribbon ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ส่วนติดต่อผู้ใช้ของ Microsoft Office Fluent ใหม่
ความสัมพันธ์ของตาราง
แม้ว่าแต่ละตารางจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่แตกต่างกัน ตารางในฐานข้อมูลมักจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน ตัวอย่างเช่น ฐานข้อมูลอาจประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้
-ตารางลูกค้าที่แสดงรายชื่อลูกค้าของบริษัทคุณ และที่อยู่ของลูกค้าเหล่านั้น
-ตารางผลิตภัณฑ์ที่แสดงผลิตภัณฑ์ที่คุณขาย รวมถึงราคาและรูปภาพของรายการแต่ละรายการ
-ตารางใบสั่งซื้อที่ติดตามใบสั่งซื้อของลูกค้า
เนื่องจากข้อมูลในเรื่องที่ต่างกันถูกเก็บในตารางแยกกัน คุณจึงต้องหาวิธีที่จะผูกข้อมูลไว้ด้วยกันเพื่อให้สามารถรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากตารางที่แยกกันได้โดยง่าย เมื่อต้องการเชื่อมต่อข้อมูลที่เก็บอยู่ในตารางที่ต่างกัน ให้คุณสร้างความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์เป็นการเชื่อมต่อแบบตรรกะระหว่างตารางสองตารางที่มีการระบุเขตข้อมูลที่มีเหมือนกัน
คีย์
เขตข้อมูลที่เป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ของตารางจะถูกเรียกว่าคีย์ คีย์มักจะประกอบด้วยหนึ่งเขตข้อมูล แต่ก็อาจประกอบด้วยเขตข้อมูลมากกว่าหนึ่งรายการได้ คีย์มีสองชนิด ได้แก่
-คีย์หลัก ตารางสามารถมีคีย์หลักได้เพียงคีย์เดียว คีย์หลักประกอบด้วยอย่างน้อยหนึ่งเขตข้อมูลซึ่งจะระบุระเบียนแต่ละระเบียนที่คุณเก็บไว้ในตารางโดยไม่ซ้ำกัน บ่อยครั้งที่จะมีเลขประจำตัวที่ไม่ซ้ำกัน เช่น หมายเลข ID, เลขลำดับ หรือรหัสที่ทำหน้าที่เป็นคีย์หลัก ตัวอย่างเช่น คุณอาจมีตารางลูกค้าที่ซึ่งลูกค้าแต่ละรายจะมีหมายเลข ID ลูกค้าที่ไม่ซ้ำกัน เขตข้อมูล ID ลูกค้าเป็นคีย์หลักของตารางลูกค้า การที่คีย์หลักมีมากกว่าหนึ่งเขตข้อมูลมักจะเกิดจากการรวมกันของเขตข้อมูลที่มีอยู่แล้ว ซึ่งจะให้ค่าที่ไม่ซ้ำกัน ตัวอย่างเช่น คุณอาจใช้นามสกุล ชื่อ และวันเกิดรวมกันเป็นเป็นคีย์หลักของตารางเกี่ยวกับบุคคล
-Foreign Key ตารางยังสามารถมี Foreign Key ได้ตั้งแต่หนึ่งคีย์ขึ้นไป Foreign Key ประกอบด้วยค่าที่สอดคล้องกับค่าในคีย์หลักของตารางอื่น ตัวอย่างเช่น คุณอาจมีตารางใบสั่งซื้อ โดยใบสั่งซื้อแต่ละใบจะมีหมายเลข ID ลูกค้าที่สอดคล้องกับระเบียนในตารางลูกค้า เขตข้อมูล ID ลูกค้าเป็น Foreign Key ของตารางใบสั่งซื้อ
ความสอดคล้องกันของค่าระหว่างเขตข้อมูลคีย์จะใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการสร้างความสัมพันธ์ของตาราง คุณสามารถใช้ความสัมพันธ์ของตารางในการรวมข้อมูลจากตารางต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกันได้ ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณมีตารางลูกค้าและตารางใบสั่งซื้อ ในตารางลูกค้า ระเบียนแต่ละระเบียนจะถูกระบุโดยเขตข้อมูลคีย์หลักนั่นคือ ID
เมื่อต้องการกำหนดให้ใบสั่งซื้อแต่ละใบสัมพันธ์กับลูกค้า ให้เพิ่มเขตข้อมูล Foreign Key ในตารางใบสั่งซื้อที่สอดคล้องกับเขตข้อมูล ID ของตารางลูกค้า จากนั้นให้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองคีย์ เมื่อเพิ่มระเบียนในตารางใบสั่งซื้อ ให้ใช้ค่าของ ID ลูกค้าที่มาจากตารางลูกค้า เมื่อใดก็ตามที่ต้องการดูข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่สั่งซื้อ ให้ใช้ความสัมพันธ์เพื่อระบุว่าต้องการให้ข้อมูลใดจากตารางลูกค้าสอดคล้องกับระเบียนใดในตารางใบสั่งซื้อ
ความสัมพันธ์ของตารางที่แสดงในหน้าต่างความสัมพันธ์
1. คีย์หลักที่ถูกระบุโดยไอคอนรูปกุญแจถัดจากชื่อเขตข้อมูล
2. Foreign Key ให้สังเกตว่าไม่มีไอคอนรูปกุญแจ
ประโยชน์จากการใช้ความสัมพันธ์
การเก็บข้อมูลแยกกันในตารางที่เกี่ยวข้องกันสร้างประโยชน์ดังนี้
- ความสอดคล้องกัน เนื่องจากรายการแต่ละรายการของข้อมูลถูกบันทึกเพียงครั้งเดียวในตารางเดียว โอกาสที่จะเกิดการกำกวมหรือความไม่สอดคล้องกันจึงมีน้อย ตัวอย่างเช่น คุณจะเก็บชื่อลูกค้าไว้เพียงครั้งเดียวในตารางเกี่ยวกับลูกค้ามากกว่าที่จะเก็บซ้ำๆ (ซึ่งจะมีโอกาสเกิดความไม่สอดคล้อง) ในตารางที่มีข้อมูลใบสั่งซื้อ
- ประสิทธิภาพ การบันทึกข้อมูลในที่เดียวหมายถึงการใช้เนื้อที่ดิสก์น้อยกว่า นอกจากนี้ ตารางขนาดเล็กจะให้ข้อมูลได้รวดเร็วกว่าตารางขนาดใหญ่ สุดท้าย ถ้าคุณไม่ใช้ตารางแยกกันสำหรับเรื่องที่แตกต่างกัน คุณจะสร้างค่า Null (ไม่มีข้อมูล) และทำให้เกิดความซ้ำซ้อนในตารางของคุณ ซึ่งจะทำให้เปลืองเนื้อที่และประสิทธิภาพการทำงานลดลงได้
-เข้าใจง่าย การออกแบบของฐานข้อมูลจะเข้าใจง่าย ถ้าเรื่องต่างๆ ถูกแยกออกเป็นตารางต่างๆ อย่างเหมาะสม
3 การกำหนดและออกแบบเขตข้อมูลสำหรับตาราง
แสดงมุมมองของข้อมูลสองมุมมองพร้อมกัน ซึ่งได้แก่มุมมองฟอร์ม และมุมมอง แผ่นข้อมูล การใช้ฟอร์มแยกจะทำให้คุณได้รับประโยชน์ของฟอร์มทั้งสองชนิดในรูปของฟอร์มเดียว ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้ส่วนแผ่นข้อมูลของฟอร์มเพื่อหาตำแหน่งระเบียนใดๆ ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นใช้ส่วนที่เป็นฟอร์มเพื่อดูหรือแก้ไขระเบียนนั้น มุมมองทั้งสองนี้เชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลเดียวกันและมีการซิงโครไนซ์อยู่ตลอดเวลา
เมื่อต้องการสร้างฟอร์มแยกใหม่โดยใช้เครื่องมือ ฟอร์มแยก ให้คลิกตารางหรือคิวรีที่มีข้อมูลในบานหน้าต่างนำทาง แล้วให้คลิก ฟอร์มเพิ่มเติม บนแท็บ สร้าง แล้วคลิก ฟอร์มแยก
Access จะสร้างฟอร์มและคุณสามารถเปลี่ยนแปลงการออกแบบให้กับฟอร์มนั้นๆ ได้ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถปรับขนาดของกล่องข้อความเพื่อให้พอดีกับข้อมูลถ้าจำเป็น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานกับฟอร์มแยก ให้ดูที่บทความการเกี่ยวกับการสร้างฟอร์มแยก
4.การป้อนข้อมูล การเพิ่มและการแก้ไขข้อมูลในตาราง
หากเซลล์ว่างอยู่ ให้คลิกที่เซลล์และเริ่มต้นการป้อน หากเซลล์มีเนื้อหาในเซลล์ ให้ปฏิบัติตามวิธีใด ๆ ต่อไปนี้:
-แทนที่เนื้อหา: คลิกที่เซลล์ จากนั้นเริ่มต้นป้อน เนื้อหาที่มีอยู่จะถูกเขียนทับ
-แก้ไขเนื้อหา: คลิกสองครั้งที่เซลล์เพื่อทำให้จุดแทรกปรากฏ ในการย้ายจุดแทรก ให้คลิกที่ตำแหน่งที่คุณต้องการ จากนั้นป้อน
-ลบเนื้อหาทั้งหมด: คลิกที่เซลล์ จากนั้นกด Delete
ขณะที่คุณป้อนในเซลล์ Pages จะแสดงรายการคำแนะนำการป้อนอัตโนมัติ รายการนี้จะรวมถึงข้อความใด ๆ ที่ป้อนก่อนหน้าในคอลัมน์นั้น แต่ไม่ใช่ข้อความหัวตารางหรือท้ายตาราง กด Tab เพื่อใช้การแนะนำในเซลล์ ในการปิดการเติ่มคำอัตโนมัติ ให้เลือก Pages > การตั้งค่า (จากเมนู Pages ที่ด้านบนสุดของหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ) แตะ ทั่วไป จากนั้นยกเลิกการเลือก “แสดงคำแนะนำเมื่อกำลังแก้ไขเซลล์ตาราง” ในส่วนการแก้ไข
การล้างข้อมูลออกจากเซลล์ตาราง
-เลือกเซลล์ จากนั้นกด Delete
การลบจะเอาเนื้อหาออกจากเซลล์แต่ยังจะรักษารูปแบบข้อมูล ลักษณะข้อความ และลักษณะเซลล์ของเซลล์
ในการเอาข้อมูล การจัดรูปแบบ และการจัดลักษณะทั้งหมดออก ให้เลือกเซลล์ จากนั้นเลือก แก้ไข > ล้างข้อมูลทั้งหมด (จากเมนูแก้ไขที่ด้านบนสุดของหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ)
การป้อนเซลล์โดยอัตโนมัติ
คุณสามารถเพิ่มเนื้อหาจากเซลล์ที่เลือกไปยังเซลล์ที่อยู่ติดกันได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องป้อน คุณยังสามารถเติมแถวหรือคอลัมน์ที่มีลำดับทางตรรกะของข้อมูล ตัวอย่างเช่น ชุดข้อมูลของตัวเลข วันที่ หรือตัวอักษร ได้อีกด้วยปฏิบัติตามวิธีใด ๆ ต่อไปนี้
-การป้อนเนื้อหาอัตโนมัติจากเซลล์หนึ่งเซลล์หรือมากกว่านั้นไปยังเซลล์ที่อยู่ติดกัน: เลือกเซลล์ที่มีเนื้อหาที่คุณต้องการคัดลอก จากนั้นย้ายตัวเมาส์ชี้ไปเหนือขอบของส่วนที่เลือกจนกว่าขอบจับการป้อนอัตโนมัติสีเหลืองจะปรากฏ ลากขอบจับผ่านเซลล์ที่คุณต้องการเพิ่มเนื้อหาข้อมูล รูปแบบเซลล์ สูตร เส้นขอบเซลล์ หรือการเติมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเซลล์ที่เลือกจะถูกเพิ่ม แต่จะไม่เพิ่มความเห็น การป้อนอัตโนมัติจะเขียนทับข้อมูลที่มีอยู่ด้วยค่าที่คุณกำลังเพิ่ม
-การป้อนเนื้อหาหรือรูปแบบที่ต่อเนื่องกันโดยอัตโนมัติลงไปยังเซลล์ที่อยู่ติดกัน: ป้อนรายการสองรายการแรกในชุดข้อมูลในเซลล์เนื้อหาสองเซลล์แรกของแถวหรือคอลัมน์ที่คุณต้องการเติม ตัวอย่างเช่น ป้อน A และ B เลือกเซลล์ ย้ายตัวเมาส์ชี้ไปไว้เหนือเส้นขอบของส่วนที่เลือกจนกว่าขอบจับการป้อนอัตโนมัติสีเหลืองจะปรากฏ จากนั้นลากขอบจับไปไว้เหนือเซลล์ที่คุณต้องการเติมคุณยังสามารถเติมเซลล์อัตโนมัติโดยใช้รูปแบบของค่าได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น หากมีเซลล์ที่เลือกไว้สองเซลล์ซึ่งมี 1 และ 4 ค่า 7 และ 10 จะถูกเพิ่มเมื่อคุณลากไปเหนือเซลล์สองเซลล์ที่อยู่ติดกัน (ค่าจะถูกเพิ่มครั้งละ 3)
การป้อนอัตโนมัติจะไม่ได้ตั้งค่าความสัมพันธ์ต่อ ๆ ไปในเซลล์ต่าง ๆ ในกลุ่ม หลังจากการป้อนอัตโนมัติ คุณสามารถเปลี่ยนเซลล์ได้โดยเป็นอิสระจากกันและกัน
เมื่อคุณป้อนเซลล์โดยอัตโนมัติ สูตรใด ๆ ที่อ้างอิงถึงเซลล์เหล่านั้นจะอัปเดตโดยอัตโนมัติเพื่อใช้ค่าใหม่
การแสดงหรือซ่อนการเติมข้อความอัตโนมัติ
1.เลือก Pages > การตั้งค่า (จากเมนู Pages ที่ด้านบนสุดของหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ) จากนั้นคลิก ทั่วไป
2.ยกเลิกการเลือกกล่องกาเครื่องหมาย “แสดงคำแนะนำขณะแก้ไขเซลล์ตาราง” เพื่อปิดการเติมคำอัตโนมัติ หรือเลือกกล่องกาเครื่องหมายเพื่อเปิด
การคัดลอกและวางเซลล์
เมื่อคุณคัดลอกเซลล์ หรือย้ายข้อมูลของเซลล์ไปยังตำแหน่งใหม่ในตาราง คุณสมบัติทั้งหมดของเซลล์จะถูกคัดลอกหรือย้ายไปด้วย ซึ่งรวมถึงรูปแบบข้อมูล การเติม เส้นขอบ และความคิดเห็น
1.เลือกเซลล์ที่คุณต้องการคัดลอกหรือย้าย
2.ปฏิบัติตามวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้:
-การย้ายข้อมูล: คลิกค้างไว้จนกว่าเซลล์จะปรากฏขึ้นมาโดยยกขึ้น จากนั้นลากไปยังตำแหน่งอื่นในตาราง ข้อมูลที่มีอยู่แล้วจะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลใหม่
-วางและเขียนทับเนื้อหาที่มีอยู่แล้ว: เลือก แก้ไข > คัดลอก จากเมนูแก้ไขที่ด้านบนสุดของหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ เลือกเซลล์ด้านซ้ายบนสุดที่คุณต้องการวางข้อมูล จากนั้นเลือก แก้ไข >วางหากระยะข้อมูลมีสูตร ให้เลือก วางผลลัพธ์สูตร
-วางโดยไม่เขียนทับ: เลือก แก้ไข > คัดลอก เลือกเซลล์จุดหมาย จากนั้นเลือก แทรก > แถวที่คัดลอก หรือ แทรก > คอลัมน์ที่คัดลอก (จากเมนูแทรกที่ด้านบนสุดของหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ) แถวหรือคอลัมน์ใหม่จะถูกเพิ่มไว้สำหรับที่เซลล์ที่คัดลอก
-วางลักษณะตาราง: เลือก รูปแบบ > คัดลอกลักษณะ (จากเมนูแก้ไขที่ด้านบนสุดของหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ) เลือกเซลล์ที่คุณต้องการคัดลอกลักษณะ จากนั้นเลือก รูปแบบ > วางลักษณะ
-การวางเนื้อหาเซลล์โดยไม่มีลักษณะ: เลือก แก้ไข > คัดลอก เลือกเซลล์ที่ที่คุณต้องการวาง จากนั้นเลือก แก้ไข > วางและจับคู่ลักษณะ (จากเมนูแก้ไขที่ด้านบนสุดของหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ) เซลล์ที่วางจะใช้การจัดรูปแบบของตำแหน่งใหม่
-วางภายนอกตารางที่มีอยู่แล้ว: ลากเซลล์ไปยังที่ที่คุณต้องการ ตารางใหม่จะถูกสร้างด้วยเซลล์ที่วาง
การไฮไลท์แถวและคอลัมน์เซลล์
คุณสามารถไฮไลท์แถวและคอลัมน์เซลล์เป็นสีฟ้าชั่วคราวในขณะที่คุณย้ายตัวเมาส์ชี้ไปเหนือตาราง ในตารางขนาดใหญ่ การกระทำนี้สามารถช่วยให้คุณระบุการอ้างอิงคอลัมน์และแถวสำหรับเซลล์เฉพาะ
-กดปุ่ม Option ในขณะที่คุณเลื่อนตัวเมาส์ชี้ไปเหนือเซลล์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
บทที่12 การแก้ไข ตกแต่ง และการฉายสไลด์จากโปรแกรมการนำเสนอผลงาน
1 การแก้ไขและลบรูปแบบสไลด์ 1. เปิด Microsoft PowerPointที่ใช้งานอยู่ จากนั้นคลิกที่แท็ป View แล้วคลิก Slide Master 2. จากนั้นจะสังเกตุ...

-
1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโปรแกรม Microsoft Word 1.1 ความหมายของโปรแกรม microsoft word 2013 โปรแกรมไมโครซอฟท์เวิร์ด เป็น...
-
1. ความหมายและส่วนประกอบของโปรแกรม Microsoft Access Microsoft Access คือ โปรแกรมเพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูล มีตารางเก็บข้อมูลและสร้างแบบ...
-
1 การแก้ไขและลบรูปแบบสไลด์ 1. เปิด Microsoft PowerPointที่ใช้งานอยู่ จากนั้นคลิกที่แท็ป View แล้วคลิก Slide Master 2. จากนั้นจะสังเกตุ...